Thursday, October 15, 2020

วัดเชียงทอง (Xieng Thong Temple) : อัญมณีศิลปะล้านช้างแห่งหลวงพระบาง

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเลย หวังว่าทุกคนคงจะสบายดีกันนะคะ ครั้งนี้ก็กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบล็อกที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและงดงามราวกับตกอยู่ใต้มนตร์สะกด 

ในครั้งนี้เราจะพาทุกคนเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาเสมอตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ใช่ค่ะ ประเทศลาว นั่นเอง เป็นอย่างที่ทราบกันดีนะคะว่าลาวเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีวัดมากมาย ทั้งชีวิตของคนที่นั่นก็ดูเรียบง่ายเสียจริง เราเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติสาสตร์ที่อยากแนะนำทุกคนให้ได้รู้จัก นั่นก็คือ วัดเชียงทอง ณ หลวงพระบางนั่นเองค่ะ วัดเชียงทองจะมีประวัติศาสตร์ความเป้นมาอย่างไร และมีอะไรน่าสนใจบ้าง เราตามไปดูกันเลย! 

ภาพบรรยากาศ ณ วัดเชียงทอง
ที่มา : https://www.sofitel-luangprabang.com/things-to-do-luang-prabang/wat-xieng-thong-temple/

วัดเชียงทอง อยู่ที่นครหลวงพระบางซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศลาว เดิมทีวัดเชียงทองแห่งนี้เคยเป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ล้านช้าง ราชวงศ์หลวงพระบาง และราชวงศ์ลาว สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2103 ในรัชกาลของสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ปกครองราชอาณาจักรล้านช้าง ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำโขง เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างตอนเหนือที่วิจิตรงดงามมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "อัญมณีของศิลปะล้านช้าง" 


สิม หรือพระอุโบสถ
ที่มา : https://www.mushroomtravel.com/page/wat-xieng-thong-buddhist-temple-in-luang-prabang-laos/

สิมวัดเชียงทอง หรือพระอุโบสถวัดเชียงทอง ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญของวัดแห่งนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมล้านนา ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้นำช่างหลวงไปจากเชียงใหม่ และได้ต้นแบบการสร้างมาจากวิหารวัดโลกโมฬีเชียงใหม่ราชอาณาจักรล้านนา สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน โดยสิ่งที่โดดเด่นคือหลังคาซ้อน 3 ตับ ซึ่งดัดอ่อนโค้งและลาดต่ำลงมามาก บนกลางสันหลังคามีการทำช่อฟ้าหรือ สัตตะบูริพัน อันเป็นการจำลองจักรวาลตามคติพุทธศาสนา หน้าบันแกะสลักเป็นรูปลายดอกตาเว็นหรือลายดวงอาทิตย์ สิมแห่งนี้ได้รับการบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2471 บนผนังทั้งด้านนอกและด้านในประดับด้วยลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ เรียกว่า "ลายฟอกคำ" ส่วนด้านหลังของสิมประดับด้วยภาพประดับกระจกสีเป็นภาพต้นทอง และภายในประดิษฐานพระประธาน 

ภาพต้นทองหลังสิมหรือพระอุโบสถ
ที่มา : https://www.renown-travel.com/laos/temples/wat-xieng-thong.html

พระประธาน
 หรือชาวลาวเรียกว่าพระองค์หลวง ภายในพระอุโบสถเป็นสีทองงดงามอร่ามตาด้านข้างพระองค์หลวงมีพระบางจำลอง และผนังด้านหลังของพระอุโบสถเป็นภาพที่เกิดจากการใช้กระจกสีตัด ติดต่อกันเป็นรูปต้นทองขนาดใหญ่ ซึ่งเคยมีในเมืองหลวงพระบางลักษณะคล้ายต้นโพธิ์ ด้านข้างต้นทองเป็นรูปสัตว์ในวรรคดียามใดที่แสงแดดสดส่องสะท้อนดูงดงาม

โรงเมี้ยนโกศ
ที่มา : https://12in12traveler.com/destinations/asia/laos/luang-prabang/wat-xieng-thong

โรงเมี้ยนโกศ หรือโรงเก็บราชรถพระโกศของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2505 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัด ลักษณะเป็นโถงกว้าง ผนังด้านหน้าตั้งแต่หน้าบันลงมาจนถึงพื้นสามารถถอดออกได้เพื่อให้สามารถเคลื่อนราชรถออกมาได้

กลางโรงเมี้ยนโกศเป็นที่ตั้งราชรถไม้แกะสลักปิดทองคำเปลวรอบคัน มีพระโกศสามองค์ตรงกลางเป็นองค์ใหญ่ของเจ้าสว่างศรีวัฒนา ด้านหลังเป็นของพระราชมารดา ส่วนด้านหน้าเป็นของพระเจ้าอา โรงเก็บราชรถนี้ออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ และใช้ช่างชาวหลวงพระบางชื่อ เพียตัน นับว่าเป็นช่างฝีมือดีประจำพระองค์ มีความชำนาญทั้งด้านงานเขียนและงานแกะสลัก


หอไหว้พระสีกุหลาบ
ที่มา : https://blog.curious-cat-travel.net/2015/04/mosaic-art-at-wat-xieng-thong-luang-prabang-laos/

หอพระม่าน
ที่มา : https://12in12traveler.com/destinations/asia/laos/luang-prabang/wat-xieng-thong

หอพระม่าน ผนังของหอพระม่านด้านนอกมีลักษณะคล้ายกับวิหารองค์แรก ภายในวิหารนี้ประดิษฐาน พระม่าน ในช่วงวันขึ้นปีใหม่จะมีการอันเชิญมาให้ประชาชนสรงน้ำและกราบไหว้เป็นประจำทุกปี ผนังด้านหลังวิหารทาด้วยสีชมพูประดับด้วยกระจกสีแสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คน สร้างขึ้นใน พ.ศ.2493 เพื่อเฉลิมฉลองที่โลกก้าวสู่ยุคกึ่งพระพุทธกาล 

หอไหว้พระสีกุหลาบ ที่ได้ชื่อว่าหอไหว้พระสีกุหลาบนั่นก้เพราะผนังภายนอกมีสีแดงคล้ายสีของกุหลาบ ทั้งยังมีความน่าสนใจคือมีการประดับตกแต่งผนังด้วยกระจกหลากสีเป็นภาพต่าง ๆ และได้สอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวลาวในสมัยก่อน หรือการสั่งสอนธรรมะ และภายในประดิษฐาน
พระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน  


  • เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน เวลา 06.00 น. - 17.30 น.
  • ค่าเข้าชม : 20,000 กีบ/คน
  • การเดินทาง : รถมอเตอร์ไซค์ หรือรถรับจ้างท้องถิ่น

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับการได้ทำความรู้จักกับวัดเชียงทอง งดงามน่าตื่นตามากเลยใช่ไหมละคะ ส่วนตัวเรามองว่าสถานที่นี้มันสวยงามแบบอ่อนช้อย เรียบง่าย สวยแบบที่ว่าไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่อลังการ แต่มันมีความงดงามในแบบเฉพาะของตัวมันเอง ไม่ว่าจะเป็นสีหรือลวดลายต่าง ๆ ก็ถือว่าเหมาะมาก ๆ กับการที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอัญมณีแห่งศิลปะล้านช้าง ถ้ามีโอกาสเรามั่นใจว่าเราต้องลองไปที่วัดเชียงทองแห่งนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิตเลยค่ะ แล้วสำหรับคุณล่ะคะ คิดเห็นกันอย่างไรบ้าง 

สำหรับครั้งนี้เราก็ต้องขอตัวลาไปก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้ากับสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแห่งถัดไป ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันมาก ๆ เลยนะคะ 



อ้างอิง
วัดเชียงทอง. สืบค้นวันที่ 15 ตุลาคม 2563. สืบค้นจาก https://readthecloud.co/wat-xieng-thong/
วัดเชียงทอง หลวงพระบาง "อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมสกุลช่างล้านช้าง". สืบค้นวันที่ 15 ตุลาคม 2563.
สืบค้นจาก http://www.oceansmile.com/Lao/ChaingtongWat.htm
วัดเชียงทอง สุดยอดอัญมณีศิลปะล้านช้างแห่งหลวงพระบาง ประเทศลาว. สืบค้นวันที่ 15 ตุลาคม 2563 . สืบค้นจาก 
https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=188


Monday, October 12, 2020

เจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) : มหาเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งพุกาม

มิงกาลาบา! กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะคะกับบล็อกที่จะพาทุกคนไปสัมผัส และเรียนรู้เรื่องราวสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักสถานที่แห่งไหนนั้น มาชมไปพร้อมกันเลย! 

ใช่แล้วค่ะ ในครั้งนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ เจดีย์ชเวสิกอง ซึ่งอยู่ในเมืองพุกาม ประเทศเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้านเรานั่นเองค่ะ หลายคนเองก็อาจจะเคยได้ยินชื่อเจดีย์นี้กันมาบ้างแล้วตามสื่อสารคดีหรือตามในโซเชียลมีเดียใช่ไหมล่ะค่ะ แต่ก็อาจจะรู้จักแค่ชื่อว่าเป็นโบราณสถานที่มีชื่อเสียง แต่ยังไม่รู้รายละเอียด ดังนั้นเราจะมาเล่าให้ฟังค่ะว่าเจดีย์ชเวสิกองแห่งนี้ มีเรื่องราวความเป็นมายังไง และสำคัญยังไงบ้างค่ะ


เจดีย์ชเวสิกอง
ที่มา : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=325

เจดีย์ชเวสิกอง (Shwezigon Pagoda) ตั้งอยู่ที่เมืองพุกาม ประเทศเมียนมา (ชื่อในปัจจุบัน) มีความเป็นมาดังนี้ คือตามบันทึกของพงศาวรดารพม่า ได้กล่าวว่าเจดีย์ชเวสิกอง ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ.1602-1603 หรือกว่า 900 ปีมาแล้ว โดยผู้สร้างเจดีย์แห่งนี้คือพระเจ้าอโนรธามังช่อ หรือกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์พุกาม และเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินแถบนั้นจนเป็นปึกแผ่นและตั้งอาณาจักรพุกามขึ้นมา 

การก่อสร้างเจดีย์ใช้เวลายาวนานกว่ายี่สิบปี จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 1629 ซึ่งเป็นรัชสมัยของพระเจ้าจานสิตา ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้น เจดีย์ชเวสิกองได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยการบูรณะครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2527 นั้นใช้แผ่นทองคำจำนวนกว่า 30,000 แผ่น จากการบริจาคของผู้คนทั่วประเทศ จึงทำให้มหาเจดีย์แห่งนี้ยังคงมีสีทองอร่ามมาจนถึงปัจจุบัน 



ที่มา :  tripexperienceblog.com/heritage/shwezigon-pagoda/

เจดีย์ชเวสิกองนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในห้ามหาเจดีย์ของประเทศพม่า โดยเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำคัญทั้งหมด 3 ส่วน คือ พระทันตธาตุหรือพระเขี้ยวแก้ว ที่กษัตริย์แห่งศรีลังกานำมาถวาย พระธาตุกระดูกไหล่ ที่นำมาจากเมืองศรีเกษตร และพระธาตุพระนลาฏ

เจดีย์ชเวสิกองนั้นเป็นทรงระฆังคว่ำสูง 160 เมตร อยู่บนฐาน 3 ชั้น มีบันไดขึ้นทั้ง 4 ทิศ รูปทรงคล้ายพีระมิดที่มุมประดับเจดีย์รายที่วางบนหม้อน้ำมนต์ แต่ละชั้นมีใบเสมาขนาดเล็กเรียงเป็นราวระเบียง ท้องไม้่ของฐานประดับด้วยแผ่นดินเผาเคลือบสลักเรื่องชาดก 550 ชาติ องค์ระฆังมีลวดลายคาดตรงกลาง ใต้สายคาดเป็นลายเฟื่องอุบะ เหนือสายคาดเป็นลายกรวยเชิงสามเหลี่ยม หัวระฆังมีลายพวงอุบะสามเหลี่ยมห้อยลงมา เหนือองค์ระฆังเป็นปล้องไฉน ปัทมบาทปลียอดและฉัตร องค์ระฆังหุ้มด้วยโลหะปิดด้วยทองคำเปลว (ทองจังโกหรือทองสำริดปิดด้วยทองคำเปลว) ให้อิทธิพลมายังเจดีย์ของล้านนาไทยด้วย

ด้านในเจดีย์ นั้นบรรจุพระทันตธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ โดยอัญชิญมาจากลังกา บนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธาได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น เจดีย์ชเวสิกองจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของพม่าที่มีเหนือมอญ และยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในศาสนาพุทธนิกายเถรวาท


ที่มา : www.pinterest.com/pin/265219865534892038/

ที่มา : www.worldtourcenter.com/มหาเจดีย์ชเวสิกอง-shwezigon-paya

การเดินทาง : รถแท็กซี รถเช่ารับจ้าง หรือรถม้า 

เวลาทำการ : เจดีย์ชเวสิกองหรือเจดีย์อื่น ๆ เปิดให้เข้าชมตลอด 24 ชม. 
ค่าเข้าชม : 25,000 จ๊าด 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการได้ทำความรู้จักและสัมผัสกับเจดีย์ชเวสิกอง เจดีย์ชเวสิกองที่นับว่าเป็นมหาเจดีย์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่สักการะยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างแรงกล้าของคนพม่าแทบจะทุกคน สำหรับเราซึ่งสิ่งนี้เองที่นับว่าเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของประเทศเมียนมา ผู้คน การดำรงชีวิตและความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่ยึดโยงและผูกพันกันมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เราเองก็อยากจะฝากสถานที่นี้ไว้ในใจของทุกคนกันนะคะ หวังว่าถ้ามีโอกาสจะลองออกไปเที่ยวชมเจดีย์ชเวสิกองกันนะคะ สำหรับครั้งนี้ เราขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้ากับสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ค่ะ สวัสดีค่ะ! 




อ้างอิง

เจดีย์ชเวสิกอง เมืองพุกาม ประเทศพม่า. สืบค้นวันที่ 12 ตุลาคม 2563. สืบค้นจาก https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=325

พระเจดีย์ชเวสิกอง. สืบค้นวันที่ 12 ตุลาคม 2563. สืบค้นจาก https://www.angelstartravel.com/content-detail.php?data=พระเจดีย์ชเวสิกอง.html

เจดีย์ชเวสิกอง พุกาม 1 ใน 5 มหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งพม่าที่ต้องไปสักการะ. 

สืบค้นวันที่ 12 ตุลาคม 2563. สืบค้นจาก https://www.lovelysmiletour.com/news-detail.php?id=216

วัดเชียงทอง (Xieng Thong Temple) : อัญมณีศิลปะล้านช้างแห่งหลวงพระบาง

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเลย หวังว่าทุกคนคงจะสบายดีกันนะคะ ครั้งนี้ก็กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบล็อกที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับส...