Saturday, November 17, 2018

พระยม (Yamarāja) : เทพแห่งทิศใต้และนรกภูมิ


ประวัติความเป็นมา 

พระยม (Yama/Yamarāja) หรือที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักในชื่อ "พระยมราช" นั้น ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งนรกหรือความตาย ถือกำเนิดขึ้นจากพระอาทิตย์ โดยศาสนาฮินดูในอินเดียเชื่อว่าเป็นเทวดาประจำทิศใต้ แห่งจตุรทิศในศาสนาพุทธฝ่ายเถรวาทเองก็มีความเชื่ออีกว่าพระยมมีชาติกำเนิดเป็นเทวดา และในศาสนาพุทธฝ่ายมหายานจะรู้จักพระยมในนาม "พญายม" ซึ่งถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ที่ทำหน้าที่ในการพิพากษาบาปบุญให้กับเหล่าดวงวิญญาณ

ซึ่งหากจะพูดกันตามจริงแล้ว พระยมนี้ยังมีนามที่ใช้เรียกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีตำนานที่กล่าวถึงมากอีกด้วย ในบางแห่งได้กล่าวว่า ตามตำนานคัมภีร์ฤคเวทซึ่งถือเป็นคัมภีร์เก่าแก่ที่สุดในบรรดาวรรณคดีสันสกฤต และมีความสำคัญในศาสนาฮินดูของอินเดีย ได้เล่าความเชื่อว่าพระยมทรงเป็นมนุษย์คนเเรกที่ตาย และมีน้องสาวฝาแฝดชื่อ ยมี อีกคนหนึ่ง เหล่านักปราชญ์มีความเชื่อว่าสองคนนี้คือมนุษย์ชายหญิงคู่เเรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาเเละเสียสละความอมตะเพื่อเป็นเทพเเห่งความตาย เนื่องจากพระยมตายเป็นคนเเรก จึงได้รับบทบาทที่สำคัญหลังความตายให้กลายมาเป็นผู้คุมนรก ได้เป็นผู้ปกครองที่จะคอยต้อนรับเหล่าวิญญาณผู้ล่วงลับอยู่ในดินแดนที่ถูกเรียกว่า "นรกภูมิ"


พระยม พิพากษาเหล่าดวงวิญญาณ
ที่มา : 
http://www.biggyan.org/four-letters-by-yamaraja/


ลักษณะเฉพาะ 

หากอ้างอิงตามความเชื่อในศาสนาฮินดูแล้วล่ะก็ พระยม ที่รู้จักกันนั้นมีลักษณะร่างกายกำยำ สูงใหญ่ ทรงกระบือเป็นพาหนะ พระหัตถ์ขวาถือคฑาเป็นอาวุธ มีดาวอังคารเป็นดาวประจำองค์ บ้างกล่าวว่าพระยมเป็นเทพที่น่ากลัวเพราะอยู่ประจำที่นรก แต่บ้างก็อ้างจากมหากาพย์เรื่อง มหาภารตะ ว่าจริง ๆ แล้ว พระยมเองก็เป็นเทพที่มีความยุติธรรม


พระยมทรงกระบือพร้อมบริวาร
ที่มา : https://ru.wikipedia.org/wiki/Яма_(индуизм)


งานศิลปะที่ปรากฏ

องค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม 
ส่วนยอดปราสาททางทิศใต้ของปราสาทพิมาย จังหวัดนครราชสีมาในประเทศไทย ได้ปรากฏ ภาพพระยมทรงกระบือ ซึ่งเป็นเทพประจำทิศใต้ บนบันแถลงที่ด้านหน้าของช่องวิมานสลักเป็นรูปบุคคลประทับในท่ามหาราชลีลาอยู่บนกระบือ มีหัว 1 หัว แต่มีลำตัวแยกออกซ้าย-ขวา ตั้งอยู่ในตำแหน่งทางทิศใต้เช่นเดียวกัน ซึ่งได้มีการประดับรูปเทพประจำทิศทั้ง 4 ทิศเอาไว้

ส่วนยอดปราสาทประธานด้านทิศใต้ ของปราสาทพิมาย
ที่มา : http://www.archae.su.ac.th/art_in_thailand/?q=node/450


ประติมากรรม


ภาพแกะสลักพระยมทรงโค ระเบียงปีกตะวันออกทิศใต้ปราสาทนครวัด
ที่มา : http://www.thapra.lib.su.ac.th/supatlib/picture2.php?check=country&keyword=5&Page=58


พระยมทรงกระบือ 
ที่มา : http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/khonkaen/

พระยมทรงกระบือ เป็นศิลปะรูปแบบเขมรที่ถูกพบในจังหวัดสกลนครของไทย เป็นประติมากรรมหินทรายรูปพระยมทรงกระบือเทพรักษาทิศเบื้องล่าง ทรงประทับนั่งบนหลังเทพพาหนะคือกระบือ สวมศิราภรณ์ทรงมงกุฎ มีกระบังหน้า สวมกุณฑล พาหุรัด และเครื่องประดับอื่นๆ ตัวกระบือ(ควาย) สลักเป็นรูปสัตว์สี่เท้า มีเขา มีหู มีหาง รอบคอตกแต่งด้วยเครื่องประดับโดยรอบ มีลวดลายสลักคล้ายเชือก จากบริเวณจมูกไปถึงด้านหลัง 



                                                  





อ้ า ง อิ ง ที่ ม า : 

พระยม. ค้นหาจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/พระยม. สืบค้นวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561.

พิพิธภัฑสถานแห่งชาติ. พระยมทรงกระบือ. ค้นหาจาก : http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/khonkaen/index.php/th/virtual-model-360/93-พระยมทรงกระบือ.html. สืบค้นวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561.

ฐานข้อมูลโบราณสถานสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ส่วนยอดปราสาทประธานด้านทิศใต้. ค้นหาจาก http://www.archae.su.ac.th/art_in_thailand/?q=node/450. สืบค้นวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561. 

ว่าด้วยเรื่องเทพแห่งความตาย พระยมกับฮาเดส เหมือนต่างอย่างไร. ค้นหาจาก https://www.dek-d.com/writer/48362/. สืบค้นวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561. 




Saturday, October 20, 2018

บุโรพุทโธ (Borobudur) : พุทธศาสนสถานแห่งศิลปะชวา


สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน 💖กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ ช่วงนี้ได้ข่าวว่ากำลังจะเข้าฤดูหนาวแล้ว เพื่อน ๆ รู้สึกยังไงกันบ้างเอ่ย ใกล้ถึงช่วงเวลาที่รอคอยกันแล้วที่จะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุดยาว สำหรับครั้งนี้เราก็จะพาเพื่อน ๆ ทุกคนได้เดินทางไปสถานที่แห่งหนึ่งที่ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ และเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงเคยได้ยินชื่อกันมาแล้ว แต่ยังไม่ค่อยรู้ที่มาที่ไปกันนัก ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นที่ไหน ตามมาดูกันได้เลย! Let's go!!! 


                                                                         บุโรพุทโธ
ที่มา : https://www.easyviaggio.com/indonesia/borobudur-6560


สถานที่ที่เราจะพาทุกคนมารู้จักในครั้งนี้ คือ บุโรพุทโธ (Borobudur) นั่นเอง บุโรพุทโธแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าไศเลนทร์ ราว พ.ศ. 1293-1393 โดยโบราณสถานแห่งนี้เป็นศาสนสถานทางพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในสมัยนั้นมีการเข้ามาของศาสนาพุทธและได้รับอิทธิพลจนทำให้เกิดเป็นศาสนสถานแห่งนี้ขึ้น 


ที่ตั้งของบุโรพุทโธ
ที่มา : https://www.britannica.com/topic/Borobudur/media/74325/138962

บุโรพุทโธตั้งอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย บริเวณภาคกลางของเกาะชวา เมืองมาเกอลัง ซึ่งห่างจากยกยาการ์ตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร 


บุโพุทโธที่เป็นฐานขนาดใหญ่ 5 ชั้น
ที่มา : https://www.lonelyplanet.com/indonesia/java/borobudur

รูปแบบทางศิลปะของบุโรพุทโธนั้นเป็นศาสนสถานที่มีขนาดใหญ่ ที่ถูกสร้างด้วยหินภูเขาไฟประมาณ 2 ล้านตารางฟุต แต่ก็มีแผนผังในรูปแบบที่เรียบง่าย เป็นสัดส่วนที่แสดงถึงมณฑลของจักรวาลนั่นเองค่ะ บุโรพุทโธเป็นฐานที่มีความโอฬาร โดยประกอบไปด้วยฐาน 5 ชั้น วงเป็นระเบียง 4 ชั้น และมีเขื่อนกั้นดินวงอยู่ภายนอกอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งระเบียงแต่ละวงมีภาพสลัก โดยความยาวของภาพสลักเหล่านั้นมีทั้งหมดเกือบ 4 กิโลเมตร  


ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=TBpWLFoMqPg

ประติมากรรม บุโพุทโธรูปปั้นพระพุทธรูป 504 องค์ โดมกลางล้อมรอบด้วย 72บนยอดของระเบียงแต่ละชั้น ซึ่งเป็นระพุทธรูปอยู่ในซุ้มแสดงปาง ซึ่งมีความหมายเป็นพระธยานิพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ 4 องค์อยู่ 4 ชั้น คือ พระอักโษภยะปางมารวิชัยทิศตะวันออก พระรัตนสัมภวะปางประทานพรทิศใต้ พระอมิตาภะปางสมาธิทิศตะวันตก และพระอโมฆสิทธะปางประทานอภัยทิศเหนือ ส่วนบนยอดฐานชั้นที่ 5 เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางวิตรรกะ ซึ่งสันนิษฐานกันว่าอาจหมายถึงพระสมันตภัทรดพธิสัตว์ 


ที่มา : https://www.javaheritagetour.com/sunrise-borobudur-temple-tours-package/

มาเยี่ยมชมกันต่อที่บริเวณบนยอดสุด ซึ่งจะมีลานและสถูปหลายองค์เจาะเป็นรูมีพระพุทธรูปอยู่ภายในซึ่งเป็นลักษณะพิเศษและโดดเด่นมาก ๆ เลยล่ะค่ะ โดยพระพุทธรูปเหล่านั้นแสดงปางประทานปฐมเทศนา คือ พระธยานิพุทธเจ้าไวโรจนะ ส่วนเจดีย์องค์กลางเป็นเจดีย์ทึบซึ่งอาจหมายถึงพระอาทิพุทธเจ้าผู้สร้างโลกหรือพระวัชรสัตว์คือเป็นพระโพธิสัตว์ประจำองค์พระอาทิพุทธเจ้า โดยประติมากรรมทั้งหมดนี้สันนิษฐานได้ว่ามีความหมายเกี่ยวกับจักรวาล 


ที่มา : https://www.tourhq.com/article/ho-w-to-visit-borobudur-temple-correctly

ที่มา : https://www.timetravelturtle.com/borobudur-temple-largest-buddhist-indonesia/

บุโรพุทโธนั้นถือได้ว่าเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าประเทศอินโดนีเซียที่ปัจจุบันนับถือศาสนาอิสลามเป็นหลักนั้น ได้เคยมีการได้รับอิทธิพลของศาสนาพุทธ เราทำให้เราได้เห็นหลักฐานหรือร่องรอยการเผยแพร่เข้ามาของศาสนาพุทธ ทำให้บุโรพุทโธนั้นเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเแียงใต้เองและของโลก โดยบุโรพุทโธนั้นเคยรับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์กรยูเนสโก ในปี พ.ศ.2534 


ที่มา : http://nomadicpixel.com/indonesia/photographing-borobudur-in-central-java/

จบไปแล้วนะคะการการพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชมบุโรพุทโธ รู้สึกยังไงกันบ้างเอ่ย ส่วนตัวเรารู้สึกทึ่งและรู้สึกดีมาก ๆ เลยค่ะ ที่ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่คนในอดีตสร้างไว้ เพราะด้วยความเชื่ออะไรก็ดูเกิดขึ้นได้ไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย หรือสิ่งที่ใหญ่โตสักแค่ไหน อีกทั้งเรายังได้เห็นร่องรอยหลักฐานความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาพุทธที่เข้ามาด้วยล่ะค่ะ น่าสนใจขนาดนี้ หากเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจอยากตามรอยล่ะก็ ลองออกไปสัมผัสกับของจริงกันได้นะคะ ถ้าเราลองออกไปสัมผัสและให้ใจกับสิ่งไหนแล้ว สิ่งนั้นจะให้โอกาสและประสบการณ์แก่เราแน่นอนค่ะ 
ไว้เจอกันครั้งหน้านะคะ ขอบคุณที่ติดตามมาก ๆ ค่ะ 💖





อ้างอิงที่มา

ปัญญา เทพสิงห์. (2548). ศิลปะเอเชีย. (196-199).

โบโรบูดูร์. สืบค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/โบโรบูดูร์. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2561.

ศ.มจ.สุภัทรดิศ ดิศสกุล. (2543). ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง อินเดีย, ลังกา, ชวา, จาม, ขอม, พม่า, ลาว. ศิลปวัฒนธรรม. (163).


Sunday, October 7, 2018

ปราสาทหมีเซิน (My Son Sanctuary) : ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งเวียดนาม



สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนอีกครั้งค่ะ เป็นยังไงกันบ้างเอ่ยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัปดาห์แห่งการสอบของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย บางคนอาจกำลังรู้สึกเหนื่อย ๆ ขาดแรงบันดาลใจ ขาดแรงในการเรียนบ้างใช่ไหมล่ะคะ อยากออกไปเที่ยวกันแล้วใช่ไหมเอ่ย วันนี้เราจึงอยากมานำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจซึ่งอยู่ใกล้ๆ ประเทศไทยเรานี่เอง ซึ่งจะเป็นที่ไหนนั้น ตามมาดูกันเลย!


       
         ปราสาทหมีเซิน 
                 ที่มา : https://www.mylittleadventure.com/best-things/



ในครั้งนี้เราจะพาทุกคนเดินทางมาที่ "ปราสาทหมีเซิน" กันค่ะ ปราสาทหมีเซินในปัจจุบันตั้งอยู่ในจังหวัดกว๋างนาม ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม โดยปราสาทหมเซินนั้นถือว่าเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในศิลปะจาม ถูกสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13 แต่ในปัจจุบันไม่สามารถระบุลักษณะของปราสาทได้ เนื่องจากเหตุผลที่ว่า องค์ปราสาทที่สร้างด้วยอิฐพังทลายลงไป เหลือแต่ส่วนฐานที่สลักขึ้นจากหินเท่านั้น โดยปัจจุบันมีการนำไปจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม 

ที่มา : https://nomadisbeautiful.com/travel-blogs/my-son-sanctuary-vietnam-tips/

ที่มา : https://nomadisbeautiful.com/travel-blogs/my-son-sanctuary-vietnam-tips/

ภาพสลักที่ฐานของปราสาทหมีเซิน มีลวดลายที่น่าสนใจคือ ลาย "ซุ้มกูฑุ" ซึ่งคาดว่าลวดลายดังกล่าวจำลองมาจากซุ้มประตู-หน้าต่างของปราสาทจริงในสมัยนั้น ซุ้มประตูนี้นั้นได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดียอย่างชัดเจน คือ เป็นซุ้มวงโค้งทรงกูฑุเตี้ย ๆ ส่วนปลายกรอบซุ้มเป็นรูปมกรหันหน้าออก แต่สิ่งที่เป็นลักษณะเฉพาะของศิลปะจาม คือการทำปลายกรอบซุ้มที่มีทั้งม้วนเข้าเป็นรูปนาค และม้วนออกเป็นรูปเลียงผา โผล่ออกมาจากปากมากร 


ที่มา : http://hoianhueprivatecars.com/wp-content/

ความสำคัญของปราสาทหมีเซินนั้นคือ ได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2542 อีกทั้งยังถือว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปราสาทหมีเซินนั้นอยู่ในภาคกลางของเวียดนาม นอกจากจะไปชมปราสาทแห่งนี้แล้ว เรายังสามารถเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งอื่นได้อีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะ สถานที่ท่องเที่ยงในครั้งนี้ น่าสนใจกันไหมเอ่ย สำหรับใครที่สนใจหรือว่างเว้นจากการเรียน การทำงาน ต้องการที่จะเดินทางไปศึกษาชมโบราณคดีล่ะก็แนะนำกันเลยล่ะค่ะ สำหรับครั้งนี้ก็จบกันไปแล้วนะคะ ไว้เจอกันในสถานที่ถัดไปค่ะ




อ้างอิงที่มา

บังอร ปิยะพันธุ์. (2537). ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (พิมพ์ครั้งที่ 1). (40).

หมีเซิน. ค้นหาจาก https://th.wikipedia.org/wiki/หมีเซิน. สืบค้นวันที่ 
5 ตุลาคม 2561.

รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี. (2558). ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
(พิมพ์ครั้งที่ 1). (301-306).

ศ.มจ.สุภัทรดิศ ดิศสกุล. (2543). ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง อินเดีย, ลังกา, ชวา, จาม, ขอม, พม่า, ลาว. ศิลปวัฒนธรรม. (163).



Monday, September 24, 2018

นครวัด (Angkor Wat) : สะท้อนความทรงจำอารยธรรมเขมร


"See Angkor Wat and Die" - Arnold J. Toynbee


สวัสดีเพื่อน ๆ อีกครั้งค่ะ กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับบล็อกแห่งนี้ที่จะพาทุกคนที่สนใจในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้ร่วมเดินทางย้อนอดีตไปพร้อมกัน สำหรับครั้งนี้เราจะพาไปพบกับสถานที่ที่สำคัญแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ถือว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่ถือว่าเจริญรุ่งเรืองในอดีตเป็นอย่างมาก ที่แห่งนั้นก็คือ "นครวัด" นั่นเอง มาดูกันดีกว่าค่ะว่านครวัดแห่งนี้มีความพิเศษยังไงบ้าง เดินทางมาพร้อมกันเลย!


ภาพนครวัด
https://www.danflyingsolo.com/photo-reasons-to-visit-angkor-wat-temple-cambodia/


นครวัด (Angkor Wat)  หรือ ปราสาทนครวัด ตั้งอยู่ ณ เมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ ซึ่งปราสาทแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "เมืองพระนคร" (Angkor) โดยนับว่าเมืองพระนครแห่งนี้เป็นกลุ่มอุทยานโบราณสถานที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่สำคัญมากแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยปราสาทนครวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 17 (พ.ศ.1650 - พ.ศ.1693) ในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 สร้างขึ้นเพราะความเชื่อของจักรวรรดิขอม โดยได้รับอิทธิพลของศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์ ที่เรียกว่า "ลัทธิเทวราชา" คือการยกย่องกษัตริย์เยี่ยงเทพเจ้า โดยเปรียบปราสาทเป็นดั่งศูนย์กลางโลกหรือจักรวาล 

รูปแบบศิลปะ


https://www.telegraph.co.uk/travel/news/Should-foreign-tourists-pay-more-than-locals/

ปราสาทแห่งนี้เป็นกลุ่มปราสาทที่มีทั้งหมด 5 องค์ เป็นกลุ่มปราสาทประธานที่ตั้งอยู่บนฐานเป็นชั้นก่อด้วยหินทราย ชั้นแรกยกระดับชั้น 2 ชั้น มีการทำโคปุระทั้งสี่ด้าน ฐานแต่ละชั้นมีแนวระเบียงคดล้อมรอบ โดยระเบียงชั้นล่างนี้ ก่อผนังทึบไว้ด้านในซึ่งเป็นส่วนที่มีการสลักภาพเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ โดยรอบทางด้านกำแพงชั้นนอกรอบปราสาท มีความยาวกว่า 800 เมตร 



ปราสาทประธาน
https://www.tripadvisor.com/LocationPhotoDirectLink-g297390-d10524217-i307391882-Remorque_Cambodia_Tour-Siem_Reap_Siem_Reap_Province.html

โดยภายในตัวปราสาทมีงานประติมากรรมแกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่อง รามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อเสียงที่สุดคือรูปแกะสลักการกวนเกษียรสมุทร มีรูปแกะสลักนางอัปสรมากกว่า 1,796 เรื่อง ที่ทั้งหมดมีเครื่องแต่งกายและทรงผมที่ไม่ซ้ำกัน

  

ภาพนางอัปสรแห่งนครวัด 
https://www.silpa-mag.com/club/art-and-culture/article_18809


ประติมากรรมรูปเคารพ 8 กร แห่งนครวัด
http://art-in-sea.com/th/data/cambodia-art/
   
                  
ภาพแกะสลักภายในนครวัด 
https://board.postjung.com/744572.html

นครวัดนั้นถือว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรขอมในอดีตกาล อีกทั้งยังเป็นศาสนสถานที่สำคัญและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนครวัดนั้นเคยได้รับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
โดยแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากได้เดินทางไปยังนครวัดแห่งนี้เพื่อสัมผัสกับความงาม ความยิ่งใหญ่ กับสิ่งที่คนในอดีตได้รังสรรค์ไว้

จบไปแล้วนะคะสำหรับการพาไปรู้จักสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย หากเพื่อน ๆ คนไหนกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยงอยู่ล่ะก็ นครวัดเองก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยล่ะค่ะ สำหรับครั้งนี้ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่เข้ามาชมมาก ๆ ค่ะ ไว้ติดตามกันนะคะว่าในครั้งต่อไป เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับสถานที่แห่งไหน ติดตามไว้ได้เลย! 






อ้างอิงที่มา

กวิฏ ตั้งจรัสวงศ์. ศิลปะเขมร. ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียอาคเนย์ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. http://art-in-sea.com/th/data/cambodia-art.html.


รศ.ดร. เชษฐ์ ติงสัญชลี. (2558). ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. 218-228.


วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์ (เรียบเรียง). นครวัดนครธม กัมพูชาดินแดนแห่งปราสาท, 85-86.


ศ.มจ. สุภัทรดิศ ดิศกุล. (2527). ประวัติเมืองพระนคร (ANGKOR) ของขอม, 60-61.


ศ.มจ. สุภัทรดิศ ดิศกุล. ฐานข้อมูลภาพ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล. หอสมุดสาขาวังท่าพระ. สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร.





Saturday, September 8, 2018

จันทิปรัมบานัน (Candi Prambanan) : มหาศาสนสถานแห่งอินโดนีเซีย


สวัสดีทุกคนค่ะ กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับบล็อกของเรา บล็อกที่จะพาทุกคนได้เดินทางออกไปสัมผัสกับความงาม ความยิ่งใหญ่ของรูปแบบศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ของสถานที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักและสัมผัสกับเทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียกันค่ะ โดยสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า "จันทิปรัมบานัน" แค่ได้ยินชื่อก็แปลก และน่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะคะ อยากรู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีที่มาและความสำคัญยังไง ตามมาดูกันเลย!



จันทิปรัมบานัน
ที่มา : https://commons.wikimedia.org/wiki/
Yogyakarta_Indonesia_Prambanan-temple

 จันทิปรัมบานัน (Candi Prambanan) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า จันทิราราจงกรัง (Candi Rara Jonggrang) คำว่า จันทิ นั้นหมายถึงศาสนสถานที่ใช้สำหรับบรรจุอัฐิธาตุ และใช้เรียกศาสนสถานในชวาทุกแห่ง ภายหลังอาจกลายมาเป็น จันฑิ ซึ่งเป็นชื่อหนึ่งของเจ้าแม่กาลีหรือทุรคา ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งความตาย โดยจันทิปรัมบานันแห่งนี้สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าบาลีตุง ก่อนพุทธศตวรรษที่ 19 (ราว พ.ศ.1400 - 1450) ซึ่งเป็นช่วงปลายสุดของศิลปะชวาภาคกลาง 

จันทิปรัมบานัน ถูกสร้างขึ้นหลังบุโรพุทโธเล็กน้อย โดยได้รับรูปแบบอิทธิพลมาจากอินเดีย เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะชวาภาคกลาง มีลักษณะเป็นจันทิขนาดใหญ่ โดยจันทิที่สำคัญมี 3 องค์ ซึ่งเชื่อว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายให้กับพระตรีมูรติ ประกอบไปด้วย หลังกลางสร้างขึ้นเพื่อถวายพระอิศวร หลังเหนือถวายพระนารายณ์ และหลังใต้เพื่อถวายพระพรหม โดยจะมีจันทิขนาดเล็กจำนวน 224 องค์ กระจายตัวรอบล้อมจันทิองค์สำคัญ


ที่มา : 

ลักษณะของจันทิองค์ใหญ่เป็นทรงมณฑปที่มีมุขยื่นออกและมีซุ้มประตูทางเข้าทั้งสี่ด้าน โดยแต่ละองค์นั้นมีภาพแกะสลักโดยรอบ อีกทั้งยังมียอดหลังคาที่สูงลดหลั่นเป็นชั้น ๆ โดยแต่ละชั้นวางสถูปจำลองขนาดเล็กหลายองค์เป็นบริวารโดยรอบ สถูปจำลองบนยอดแต่ละองค์มีลักษณะเด่นกว่าที่อื่น ๆ ที่มีร่องเส้นแบ่งเป็นซี่ ๆ คล้าย อมลกะ (Amalaka) 

แต่ถึงแม้ว่าจันทิปรัมบานันแห่งนี้จะเป็นศาสนสถานของศาสนาฮินดู แต่กลับพบว่ามีสถูปจำลองหลาย ๆ องค์อยู่บนยอดจันทิ ซึ่งเป็นในลักษณะของสถูปในพุทธศาสนา จึงเชื่อว่าได้มีการผสมผสานกันระหว่างศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา ซึ่งดั้งเดิมอาจเป็นสถาปัตยกรรมแบบพุทธ แต่ต่อมาถูกปรับเป็นรูปแบบฮินดู



จันทิองค์กลาง
https://www.pinterest.com/pin/212584044883695022

ศาสนสถานแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตชวากลาง ห่างจากเมืองยกยาการ์ตาไปทางตะวันออกประมาณ 18 กิโลเมตร ประเทศอินโดนีเซีย โดยปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก และถือว่าเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่สำคัญและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้

หากใครที่กำลังสนใจอยากลองเปลี่ยนสถานที่เที่ยวใหม่ ๆ ดูแล้วก็ล่ะก็ ที่นี่เองก็เป็นอีกแห่งนี้ที่น่าสนใจสำหรับสายเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ทีเดียวล่ะค่ะ แต่นอกจากจะเป็นศาสนสถานแล้ว อินโดนีเซียเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย และวัฒนธรรมที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสกัน


  ที่มา : https://www.aajkikhabar.com/258260/this-muslim-country-has-ayodhya-too/

จบไปแล้วสำหรับการแนะนำสถานที่ในครั้งนี้ ได้รู้จักสถานที่ใหม่ ๆ แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างเอ่ย ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะคะ ที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ของเรา มารอดูกันนะว่าในครั้งหน้า เราจะพาทุกคนไปกับสถานที่แห่งไหน แล้วพบกันอีกครั้งค่ะ 😊




อ้างอิงข้อมูล

ปัญญา เทพสิงห์. (2548). ศิลปะเอเชีย. (196-199).

ปรัมบานัน. สืบค้นจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ปรัมบานัน. สืบค้นเมื่อ 8 กันยายน 2561.

รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี. จันทิปรัมบานัน. สืบค้นจาก http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth/. สืบค้นเมื่อ 8 กันยายน 2561.

ศ.มจ.สุภัทรดิศ ดิศสกุล. (2543). ประวัติศาสตร์ศิลปะประเทศใกล้เคียง อินเดีย, ลังกา, ชวา, จาม, ขอม, พม่า, ลาว. ศิลปวัฒนธรรม. (163).

Monday, August 27, 2018

พุกาม (Bagan) : ศิลปะต้องมนตร์เสน่ห์ทะเลแห่งเจดีย์

ธนัยนันท์ ศิริเรืองวัฒนา เรียบเรียง 


 💓สวัสดีทุกคนค่ะ กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสกับความงามของ "ทะเลเจดีย์แห่งพุกาม" ที่ตั้งอยู่ในประเทศเมียนมาในปัจจุบัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และเราจะพาทุกคนมาเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนอารยธรรมที่มีเสน่ห์ของศิลปะและอาณาจักรพม่าแห่งนี้กัน ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหมคะ ตามมาดูกันได้เลยค่ะ


ทะเลเจดีย์แห่งพุกาม
http://yesofcorsa.com/bagan-myanmar/

ก่อนอื่นขอเกริ่นที่มาของสถานที่แห่งนี้กันก่อนเลย "ทะเลเจดีย์แห่งพุกาม" แห่งนี้ ปัจจุบันตั้งอยู่ ณ เมืองพุกาม ประเทศเมียนมา ซึ่งแต่เดิมนั้นเมืองพุกามแห่งนี้อดีตเคยเป็นอาณาจักรพุกามที่รุ่งเรืองในสมัยก่อนเป็นอย่างมาก ที่มาของการสร้างทะเลเจดีย์เหล่านี้คือตั้งแต่สมัยพระเจ้าอนิรุทธิ์ หรือพระเจ้าอโนรธามังช่อ ซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม ตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 16 โดยเจดีย์องค์แรกที่ได้ทรงให้สร้างขึ้นนั้นมีชื่อว่า "เจดีย์ชเวซิกอง" เหตุที่สร้างเจดีย์เหล่านี้ขึ้น เป็นเพราะสมัยแรกเริ่มของอาณาจักรพุกาม มีการนับถือพระพุทธศาสนาโดยมีความเชื่อทางไสยศาสตร์ควบคู่กันไปด้วย อีกทั้งหนังสือบางเล่มยังกล่าวว่ามีความเชื่อเกี่ยวกับการสร้างเจดีย์ว่าจะทำให้ได้รับบุญกุศลเป็นอย่างมาก


ทะเลเจดีย์แห่งพุกาม มีรูปแบบศิลปะเป็นศิลปะแบบพุกาม ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะปาละของอินเดียโดยตรง เพราะมีพื้นที่ติดกับอาณาจักรปาละ-เสนะของอินเดีย แต่ถึงแม้รูปแบบศิลปะพุกามจะมาจากอิทธิพลของศิลปะปาละ แต่ถูกสร้างขึ้นภายใต้พุทธศาสนาเถรวาท ซึ่งแตกต่างจากศิลปะปาละที่สร้างขึ้นตามพุทธศาสนามหายานตันตระและศาสนาฮินดูไวษณพนิกาย โดยเจดีย์ศิลปะแบบพุกามเหล่านี้แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ เจดีย์ทรงระฆัง (Zedi) และเจติยวิหาร (Gu) โดยมีลักษณะ ดังนี้


เจดีย์ทรงระฆัง (Zedi) เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งสร้างขึ้นให้มีลักษณะและหมายถึง "สถูป" ที่ได้สืบทอดรูปแบบมาจากสถูปทรงกลมของศิลปะอินเดีย ส่วนที่มีความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์ประเภทนี้คือ "องค์ระฆัง" ที่สร้างอยู่บนฐานสูง 3 ชั้น ยกตัวอย่างเจดีย์ทรงนี้ เช่น เจดีย์ชเวซิกอง ซึ่งเป็นเจดีย์ที่พระเจ้าอโนรธาโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเขี้ยวแก้ว


    
เจดีย์ชเวซิกอง เป็นเจดีย์ทรงระฆัง
http://www.uasean.com/kerobow01/508
 
เจติยวิหาร (Gu) เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประดิษฐานพระพุทธรูป เสมือนเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า โดยตัวอาคารเป็นการผสมผสานระหว่าง "วิหาร" (ห้องด้านล่าง) กับ "เจดีย์" (ส่วนบน) จึงถูกเรียกลักษณะอาคารแบบนี้ว่า "เจติยวิหาร" โดยส่วนห้องด้านล่างนั้นมีไว้สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป และส่วนบนคือส่วนยอด สร้างเป็นทรงศิขระ ประดับส่วนยอดสุดด้วยเจดีย์ โดยรูปแบบของเจติยวิหารในศิลปะพุกาม แบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ ๆ ได้แก่ แบบครรภคฤหะ-มณฑป ยกตัวอย่าง เช่น เจดีย์นาคยน และแบบมีแกนกลาง-มณฑป 4 ทิศ เช่น เจดีย์อานันทะ เป็นต้น นอกจากที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้ว ยังมีเจดีย์แบบศิลปะพุกามอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ



เจดีย์นาคยน เป็ยเจติยวิหาร ที่มีแผนผังแบบครรภคฤหะ-มณฑป
http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth

เจดีย์อานันทะ เป็นเจติยวิหาร แบบมีแกนกลาง-มณฑป 4 ทิศhttp://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth


ทะเลเจดีย์แห่งนี้นั้นแต่เดิมมีเจดีย์รวมกันมากถึง 4,446 องค์ แต่ปัจจุบันเหลือเจดีย์ที่คงสภาพอยู่เพียง 2,217 องค์ และเนื่องจากการเสื่อมอำนาจของกษัตริย์และการถูกชนชาติอื่นรุกราน ทำให้ปัจจุบันเหลือเจดีย์ที่มีสภาพสมบูรณ์มีจำนวนลดลง แต่ถึงอย่างนั้นปัจจุบันทะเลเจดีย์แห่งพุกามนี้ก็ยังมีเสน่ห์ที่ลึกลับชวนค้นหา โดยสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งบอกความเจริญรุ่งโรจน์ของอาณาจักรพุกามได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางการประเทศเมียนมาตอนนี้กำลังดำเนินการเพื่อให้ได้ขึ้นเป็นมรดกโลกต่อไป


ภาพบอลลูนขึ้น จุดน่าสนใจของทะเลเจดีย์
https://www.tickettipper.nl/wp-content/uploads/2018/02/Myanmar

ปัจจุบันมีผู้เดินทางจากทั่วโลกที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยว แสวงหาความงามศิวิไลของอาณาจักรเก่าแก่โบราณแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจุดสนใจอีกอย่างของการไปดูทะเลเจดีย์แห่งนี้ก็คือ การได้ขึ้นบอลลูนสัมผัสบรรยากาศเหมือนความฝัน ที่จะพาทุกคนล่องลอยทวนกาลเวลา เที่ยวชมวิวอันงดงามของทะเลเจดีย์แห่งนี้ ใครที่สนใจและกำลังมองหาที่เที่ยวที่ใกล้ประเทศก็ละก็แนะนำสถานที่แห่งนี้เก็บเข้าลิสต์ไว้เลยล่ะค่ะ แพ็คกระเป๋าไปเที่ยวกันเถอะ! แล้วเจอกันต่อกับสถานที่ที่พิเศษในครั้งหน้านะคะ สำหรับครั้งนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมมาก ๆ ค่ะ 

  


✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈✈



อ้างอิงข้อมูล : 

บังอร ปิยะพันธุ์. (2537). ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (พิมพ์ครั้งที่ 1). (40).

พุกาม. ค้นหาจาก https://th.wikipedia.org/wiki/พุกาม. สืบค้นวันที่ 25 สิงหาคม 2561.

รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี. (2558). ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
(พิมพ์ครั้งที่ 1). (301-306).

Monday, August 13, 2018

Take my hands and Let's go around this Extra World




ยินดีต้อนรับ และสวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน ที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของเรานะคะ บล็อกนี้เราขอแนะนำตัวเองก่อนค่ะ เราชื่อ นางสาวธนัยนันท์ ศิริเรืองวัฒนา หรือจะเรียกว่า "ต้า" ก็ได้ ปัจจุบันเราเป็นนักศึกษา ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น แค่เห็นชื่อสาขาที่เราเรียนก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะคะ สาขาที่เราเรียนอยู่ เป็นสาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดหลักสูตรเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ แต่ขอบอกว่าวิชาที่ได้เรียนน่าสนใจมาก ๆ ถ้าอยากรู้ว่าเราเรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง ติดตามไว้ได้เลยค่ะ


ถ่ายรูปกับคนกลุ่มชาติพันธุ์ขณะเป็นอาสาสมัครที่เวียดนาม
บล็อกของเรานี้ เราจะพาเพื่อน ๆ ทุกคน เข้าสู่โลกของเราค่ะ โลกที่มีสิ่งที่เราสนใจไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลทั่วไปหรือวิชาของสาขาที่เราเรียนอยู่ หนังสือทั่วไป ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว การเรียนภาษา หากใครที่มีความสนใจเหมือนเราล่ะก็ ติดตามแล้วเข้าสู่โลกเหล่านั้นไปพร้อมกันได้เลย 

โลกที่เราจะพาเพื่อน ๆ ไปสัมผัสในบล็อกนี้นั้น เป็นโลกที่มีมากกว่าหนึ่งมิติ โลกที่จะพาทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องราวหลากสิ่งมหัศจรรย์ที่อาจไม่เคยรู้มาก่อน โลกที่จะพาทุกคนย้อนเวลากลับสู่อดีต จากการศึกษาประวัติศาสตร์ตามสถานที่สำคัญ ผ่านทางโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่คงไว้ซึ่งหลักฐานทางความเชื่อที่ส่งอิทธิพลมายังปัจจุบัน และโลกของภาษาใหม่ ๆ เนื่องจากเราเคยไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศเวียดนาม ทำให้สามารถสื่อสาร ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาเวียดนามได้ หากเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจที่อยากจะเรียนภาษาใหม่ ๆ อยู่ล่ะก็ อย่าพลาดเชียวนะคะ 

หมู่บ้านกลุ่มชาติพันธุ์เหมียนที่จังหวัดกาวบั่ง ประเทศเวียดนาม
สำหรับครั้งนี้ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคน ที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของเรามาก ๆ ค่ะ ไว้เจอกันใหม่ที่บล็อกหน้านะคะ  


เขียนโดย นางสาวธนัยนันท์ ศิริเรืองวัฒนา
ภาพโดย นางสาวธนัยนันท์ ศิริเรืองวัฒนา

วัดเชียงทอง (Xieng Thong Temple) : อัญมณีศิลปะล้านช้างแห่งหลวงพระบาง

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเลย หวังว่าทุกคนคงจะสบายดีกันนะคะ ครั้งนี้ก็กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับบล็อกที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับส...